ปริศนาคําทายภาคเหนือ
1. อะหยังเอ๊าะ น้ำถุ้งหน้อย ห้อยป๋ายหลัก
ตักก่อเต๋ม บ่ตักก่อเต๋ม
เฉลย บ่าป๊าว (มะพร้าว)
2. อะหยังเอ๊าะ แต๊บแป๊บเต้าใบบาตัน
กิ๋นเจ็ดวันบ่เสี้ยง
เฉลย ลิ้น
3. อะหยังเอ๊าะ แต๊บแป๊บเต้าห่อเกื๋อ
ไปเมืองเหนือก่อฮอด
เฉลย
กระเป๋าตัง
4. อะหยังเอ๊าะ ปอกินบ่ปออาบ
ปออาบบ่ปอกิ๋น
เฉลย น้ำลาย กับ เหงื่อ
5. อะหยังเอ๊าะ เห็ดกระด้าง ข้างดอย
กอยบ่หัน
เฉลย หู
6. อะหยังเอ๊าะ น้ำบ่แก้วจิววิว
หนามบ่าหลิวปักแวด
เฉลย ตา
7. โจ๊ะโละเหมือนคอกม้า ไปก้าบ่หันฮอย
เฉลย เรือ
8. บ่มีดูก บ่มีด้าว ก้าวง้าวอยู่กลางนา
เฉลย ขี้ไถ
9. ไก่แม่หม่น ส่นหลังคา อะหยังเอ๊าะ
เฉลย ฟักหม่น (ฟักเขียว)
10.
ตี๋นมน ฮอยยาว
เฉลย ล้อ
11.
ไก่นอนบนกอน หัวมันอยู่ไหน
เฉลย หัวมันอยู่ในดิน
12.
ขี้มอดค้างขี้จ้างลอด
เฉลย ใยแมงมุม
13.
สี่ขาปกขึ้นฟ้า อ๋าปากกินคน
เฉลย อู่
14.
ไก่แม่ลายต๋ายแจ้น้ำ
เฉลย ไซ
15.
ติ๊กปิ๊กเต้าหนามตอง ย่ำบ่ถองก็ห้าน
เฉลย ขี้ไก่
16.
หัวหมดอดหนาว กางยาวอดฮ้อน
เฉลย น้ำบวย และ ป๊าก (กระบวยตักน้ำ
ทัพพี)
17.
อะหยังเอ๊าะ น้ำต้นหน่อยห้อยข้างฝา
เหลียวหาบ่หัน
เฉลย ติ่งหู
18.
อะหยังเอ๊าะ ไม้ตึงก๋อ หาข้อบ่ปะ
เฉลย เส้นผม
19.
อะหยังเอ๊าะ ตังลุ่มก่อขน ตังบนก่อเป๋นขน
เดิ้กมาเอาขนจนกัน
เฉลย ขนตา
20.
อะหยังเอ๊าะ สูงแล้วต่ำ ดำแล้วขาว ยาวเเล้วสั้น
มั่นแล้วคลอน
เฉลย คนแก่
ค้าวก้อมกำเมือง
วันนี้ยังแควน
วันค่ำตะวา จักเข้ามาตั๊ก มันสังยากนัก
บ่ดั่งใจ๋จ๋า
เว็บล้มเที่ยวนี้ เป๋นดีสังก๋า วันซืนดีนา
ตะวามันหล้ม
กิ๋นหยังบ่ลำ เหมือนน้ำต๋าลส้ม บ่สบอารมณ์
เจ้นล้ำ
เป๋นสังกาหา หยังมาหมั่นล้ำ ก๊ำคาอยู่หั้น จาใด
เครือออนข้านี้ เป๋นดีสงสัย เว็บหล้มคาใด
หัวใจ๋เหี่ยวแห้ง
เว็บอื่นยังไหล เหมือนใผมาแกล้ง คนเมืองอ่อนแฮง
ติดกึ๊ก
เข้ามาเมื่อใด บ่ดั่งใจ๋นึก เสียความฮู้สึก
บางวัน
กึดเติงหาน้อง คู่ถ้องเสียงหวาน เป๋นดีรำคาญ
เข้าขานบ่ได้
วันนี้ดีใจ๋ เหมือนหายจากไข้ ได้เข้ามาใน
เว็บนี้
ขอเจิญญิงจาย อย่าหายหลีกลี้ ป๊ะกั๋นจ๊ะอี้
ตึงวัน
สี่ห้าบรรทัด มาหัดเขียนกั๋น ฝึกแต่งตึงวัน
กล๋อนสาส์นค่าวสร้อย
เปื้อสืบดำรง คงไว้เป๋นถ้อย สร้อยค่าวกำเมือง
แสนฮัก
จะอู้ไปหลาย กำจายบ่นัก และจ๋ำกัดด้วย เวลา
อาตมา ขอลาเต้าอี้ เต้านี้ขอลาไป ก่อนแลนายเหย
เขียมคู่ถ้อง
ง่อมอกง่อมใจ๋ ไปไหนกั๋นหมด อดบ่ได้ เนอนาย
สามวันบ่ต๊า ห้าวันยังหาย เจ็ดวันก็ดาย
หายไปไหนเสี้ยง
เหลือสองสามคน กมลใสเกลี้ยง มาส่งสำเนียง
เอี่ยงก๊อง
บ่ฮู้ไปไหน บ่านายอี่น้อง มาเขียมคู่ถ้อง
โรมรัน
เครือออนง่อมล้ำ กำลังขยัน ฝึกหัดประพันธ์
จึงขาดคู่ถ้อง จึงขาดคู่ถ้อง
เอาค่าวมาฮอม
กำเมืองเฮานี้ ตึงดีนักหนา เจิญจวนกั๋นมา
ศึกษาจุผู้
จ๋ารบันทึก นึกเป็นกำอู้ จ๋าฟู่เอางาม ต๋ามปั๊บ
หมู่เฮาตังหลาย มากมายเกิ๋นนับ มัวหลับบ่ได้
เนอนาย
ตื่นกั๋นได้แล้ว มิตรแก้วสหาย อย่านิ่งดูดาย
ฟื้นหงายค่าวสร้อย ตั๋วเมืองแถมหน้อย
นิทานพื้นบ้าน ภาคใต้
เรื่อง นายดั้น (จ.นครศรีธรรมราช)
นิทานเรื่อง นายดั้น เขียนบันทึกลงในสมุดข่อย ต้นฉบับเป็นของวัดท่าเสริม
อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช ระยะเวลาที่แต่งนิทาน คงอยู่ในระยะรัชกาลที่ 1 ถึงรัชกาลที่ 3 แต่งด้วยกาพย์ 3 ชนิดคือ กาพย์ยานี 11,
กาพย์ฉบัง 16 และกาพย์สุรางคนางค์ 28 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อความบันเทิง
สวดอ่านนิทานในยามว่าง โดยนิทานเรื่องนายดั้นมีเนื้อเรื่องดังนี้
นายดั้น
เป็นคนตาบอดใส อยากได้นางริ้งไรเป็นภรรยา จึงส่งคนไปสู่ขอและนัดวันแต่ง
โดยฝ่ายนางริ้งไรไม่รู้ว่าตาบอด
เมื่อถึงวันแต่งงานนายดั้นพยายามกลบเกลื่อนความพิการของตนโดยใช้สติปัญญาและไหวพริบต่าง
ๆ แก้ปัญหา เมื่อขบวนขันหมากมาถึงบ้านเจ้าสาว เจ้าภาพขึ้นบนบ้าน
นายดั้นกลับนั่งตรงนอกชาน เมื่อคนทักนายดั้นจึงแก้ตัวว่า "ขอน้ำสักน้อย
ล้างตีนเรียบร้อย จึงค่อยคลาไคล ทำดมทำเช็ด เสร็จแล้วด้วยไว แล้วจึงขึ้นไป
ยอไหว้ซ้ายขวา"
ขณะอยู่กินกับนางริ้งไร
วันหนึ่งนางริ้งไรจัดสำรับไว้ให้แล้วลงไปทอผ้าใต้ถุนบ้าน
นายดั้นเข้าครัวหาข้าวกินเองทำข้าวหกเรี่ยราดลงใต้ถุนครัว
นางริ้งไรร้องทักว่าเทข้าวทำไม นายดั้นจึงแก้ตัวว่า "เป็ดไก่เล็กน้อยบ้างง่อยบ้างเพลีย
ตัวผู้ตัวเมีย ผอมไปสิ้นที่ อกเหมือนคมพร้า แต่เพียงเรามา มีขึ้นดิบดี
หว่านลงทุกวัน ชิงกันอึ่งมี่ กลับว่าเรานี้ ขึ้งโกรธโกรธา"
วันหนึ่งนางริ้งไรให้นายดั้นไปไถนา นายดั้นบังคับวัวไม่ได้
วัวหักแอกหักไถหนีเตลิดไป นายดั้นจึงเที่ยวตามวัว ได้ยินเสียงลมพัดใบไม้แห้งชายป่า
เข้าใจว่าเป็นวัว จึงวิดน้ำเข้าใส่เพื่อให้วัวเชื่อง
นางริ้งไรมาเห็นเข้าจึงถามว่าทำอะไร นายดั้นได้แก้ตัวว่า "พี่เดินไปตามวัว
ปะรังแตนแล่นไม่ทัน จะเอาไฟหาไม่ไฟ วิดน้ำใส่ตายเหมือนกัน ครั้นแม่บินออกพลัน เอารังมันจมน้ำเสีย"
อยู่มาวันหนึ่งนายดั้นจะกินหมาก แต่ในเชี่ยนหมากไม่มีปูน
จึงร้องถามนางริ้งไร นางบอกที่วางปูนให้ แต่นายดั้นหาไม่พบ
ได้ร้องถามอีกหลายครั้งแต่ก็ยังหาไม่พบ นายดั้นจึงร้องท้าให้นางริ้งไรขึ้นบ้านมาดู
หากปูนมีตามที่บอก จะยอมให้นางริ้งไรเอาปูนมาทาขยี้ตา
นางริ้งไรจึงเอาปูนมาทาขยี้ตานายดั้น นายดั้นถือโอกาสจึงร้องบอกว่าตาบอดเพราะปูนทา
นางริ้งไรจึงต้องหายามารักษาจนตาหายบอดได้บวชเรียน
เรื่อง กินเหล้าแล้วอายุยืน (จ.นครศรีธรรมราช)
นานมาแล้วมีเรื่องเล่าว่า ชายคนหนึ่งชอบกินเหล้าเป็นชีวิตจิตใจ
งานการก็ไม่เคยนำพาเรื่องบุญกุศลก็ไม่เคยทำ แต่การทำบาปแกก็ไม่เคยทำเช่นกัน
ครอบครัวของแก มีอยู่ด้วยกันสามคน คือ ตัวแกเองพร้อมด้วยเมียและลูกอีกคนหนึ่ง
ชายคนชอบกินเหล้าผู้นี้คิดอยู่เสมอว่าก่อนที่แกจะตายลงนั้นก็ขอให้ลูกชายได้บวชเสียก่อน
เพราะแกอยากเห็นชายผ้าเหลืองของลูก แต่ชายคนนั้นก็ได้ตายลงเสียก่อนที่จะได้บวชลูก
เมื่ออายุของแกได้ห้าสิบปีพอดี ก่อนที่จะตายนั้น แกได้สั่งให้ลูกเมียของแก
เอาเหล้าใส่โลงไปด้วยสักสองสามขวดเผื่อหิวเหล้าขึ้นมาก็จะได้กินในปรโลก
เมื่อชายคนนั้นได้ลงไปอยู่ในเมืองนรกแล้ว ยมบาลก็ถามว่า
"ทำไมถึงได้ชอบกินเหล้านักล่ะ เหล้านั้นมันเอร็ดอร่อยมากหรือไรกัน"
แกก็ตอบออกไปว่า "อันเหล้านั้น ถ้าได้กินมันเข้าไปแล้ว ก็จะ…….รู้รสชาติทันทีว่า
ไม่มีอะไรแล้วในโลกมนุษย์จะอร่อยเท่า บอกไม่ถูกอธิบายไม่ได้ว่ามันมีรสชาติอย่างไร
ต้องกินดูเองถึงจะ……รู้" ยมบาลจึงพูดว่า
"ในเมืองนรกของเรานี้ไม่มี
ไม่งั้นแล้วเราจะลองชิมดูว่ามันจะเอร็ดอร่อยเหมือนดังคำกล่าวของท่านจริงหรือไม่"
ชายผู้ชอบกินเหล้าคนนั้นจึงบอกกับยมบาลว่า แกได้นำมันมาด้วย
ถ้ายมบาลจะลองชิมดูก็มีให้ลอง ยมบาลจึงได้ชิมเหล้าของชายคนนั้นเข้าไป ชิมไป ๆ
ยมบาลก็ชักติดใจในรสชาติของมัน จึงได้ขอเหล้าชายคนนั้นกินจนหมดขวด
ยมบาลจึงได้เมาขึ้นมาทันที
เพราะไม่เคยกินเหล้ามาก่อนหรือเพราะคอยังอ่อนอยู่นั่นเอง
ในเวลาต่อมา ยมบาลก็ได้ชอบพอกันกับชายคนนั้น
จนกระทั่งสัญญาเป็นเพื่อนเกลอกัน แล้วบอกชายคนนั้นว่า
"ถ้าแกต้องการอะไรที่พอผ่อนปรนกันแล้วก็ขอให้บอกมาเถิดเราจะช่วยเหลือ"
ชายคนนั้นจึงบอกยมบาลว่า "ในชีวิตของแกไม่เคยได้ทำบุญอะไรเลย
แกจึงอยากเห็นชายผ้าเหลืองของลูกชายสักครั้ง" แล้วแกจึงขอร้องต่อยมบาลว่า
"ขอมีอายุต่อไปอีกแค่ปีเดียวเท่านั้น เพื่อบวชลูกชายได้หรือไม่"
ด้วยความรักใคร่สงสารต่อชายผู้นั้นเป็นพิเศษ ยมบาลก็อนุญาตด้วยการต่ออายุให้
แล้วลงไว้ในบัญชีของยมโลก โดยยมบาลเพิ่มอายุให้อีกหนึ่งปี จึงได้เขียนเลข 1
ต่อจากเลข 50 ซึ่งเป็นอายุขัยของชายผู้นั้นลงในบัญชีทันที
แต่ด้วยความเมาของยมบาลเอง จึงเลยลืมลบเลข 0 ออกเสียก่อน จึงกลายเป็นว่าชายคนนั้นมีอายุไปจนถึง
501 ปี
คำอู้บ่าว
– อู้สาว
บทจ๊อยของชายหนุ่มในระหว่างเดินทางมาบ้านหญิงสาว
ตัวปี้ตุ๊กข์ กำกึดบ่เถียว อยู่ตัวคนเดียว บ่มีคู่เฝ้า
มาแสนตุ๊กข์เข็ญ ซ้ำเป็นบ่าวเฒ่า ตามทีมันเต๊อะน้อง
เฮาเกิดมาจน ไผบ่ปากป้อง หมองต่ำต้อยเหงาดาย
แต่ว่าวันนี้ หล้างมีที่หมาย กับเปิ้นสักราย ก็หากหล้างว่าได้
ปี้มาแอ่วหา อุ่นใจใคร่ใกล้ กลัวศรีทองใบ บ่ฮัก
เฮาคนจน ถามเอิ้นปากทัก ไผบ่ใคร่อู้จาพอ
แม่หม้ายแม่ฮ้าง เคิ้นค้างเหลือหลอ ไผบ่จาปอ คนบ่หล่ออย่างข้า
ไผบ่จาปอ คนบ่หล่ออย่างข้า ฯ
ชาย : ดักปิ้งเย็นวอยแต้ สาวยังบ่ตอบเตื่อ เข้าไปแหมหน้อยดีก้า อะแฮ่ม หยังมาดักปิ้งเย็น
วอยห๋า จ๊อยก็ดาย สีสะล้อก็ดาย สาวปอบ่ตอบมา
หญิง : เอ้ มันเป็นเสียงไผ มาจาม ๆ ไอ ๆ อยู่ตังลุ่มหั้น
ชาย : บ่ใช่เสียงไผที่ไหน อ้ายเขาเป็นบ่าวบ้านใต้จะมาแอ่วสาว
บ้านเหนือเนียะ
ชาย : ว่าแต้ว่าดี อี่นายนาฏน้องอ้ายมาแอ่วหา จะเกิกก่อจาขึ้นไปนั่งอู้
หญิง : ขึ้นมาแหล้อ้ายตึงบ่เติ๊กตางไผ กันนั่งอยู่ตีนคันไดช่างเติ๊กตางหมาโก้ง
ชาย : กันน้องอู้แต้แม่น้องก็ตาม อ้ายเขาคนบ่งามจะขอขึ้นไปนั่งอู้
หญิง : ขึ้นมาบนเพ้เต๊อะเป่งแจ้งสายตา งามบ่งามนาหล้างหันเป่าป้อย
ชาย : กึดยากแต้ตักอ้ายจักขึ้นไปหา กลัวอ้ายเปิ้นมาปะใส่ไล่แถ้
หญิง : ขึ้นมาเต๊อะเจ้าบ่ถ้ากลัวไผ บ่มีคนใดมาแอ่วบ้านข้า
ตั้งแต่เป็นสาวบ่าวบ่หันหน้า ก้าหาจะมีคืนนี้
ชาย : ว่าแต้ว่าดี เปิ้นฮ้องขึ้นเฮือนล่ะ
หญิง : ขึ้นมาบนเติ๋นเพ้ก่าอ้าย
ชาย : ขึ้นไปได้น้อ ขออนุญาตขึ้นไปนั่งบนเติ๋นเน้อ
หญิง : เจ้า ขึ้นมาเลยเจ้า
ชาย : โฮ บ้านเปิ้นหยังมาม่วนผ่อค่วนก็เหมือนเทิง เป็นดีใคร่มาเลิงสักหว่างแต้
ว่าแต้ว่าดี ขอนั่งนี่สักตัวหนัวนี่สักวา ถ้าพี่อ้ายเปิ้นมาอ้ายสองคนก็จะปิ๊กละ
หญิง : นั่งเตอะ ๆ ขะแนมไปนั่งตั๊ดต๋ง ฟากจะไหลลงต๋งจะไหลข้อน
ชาย : ข้อนช่างมันเตอะ อ้ายเขาจะมาแป๋ง จะมานอนแฮมกินแกงฮ่วมถ้วย
เดิกป่านนี้บ่มีปี้อ้ายน้อยหนาน เปิ้นมาแอ่วห๋ากะห๋า
หญิง : ตึงบ่มีพี่น้อยพี่อ้ายหนานถา บ่มีไผมาสักเตื่อบ้านนี่
หมดซ้อยล้อยเหมือนกลางวิหาร บ่าวจี๋บ่ปานป้อฮ้างตึงบ่ข้อง
น้องเป็นสาวมาเมิน ตึงบ่มีใผไหนใส่ใจร่วมห้อง
ชาย : ไม้ใหญ่แต้จะใดว่าบ่มีผี คนงามคนดีอย่างอี้หยังว่าบ่มีเจ้า
หญิง : ต้นไม้ใหญ่แต้ตังในมันก๋วง ต้นหลวงบ่ดายในกลวงหวืดหลึ้ง
ชาย : คนงามป่านนี้ว่าบ่มีเจ้าของ ระวังผีปู่จองเอาไปซ่อนไว้เน้อ
หญิง : ตึงบ่งามล้ำฮ้ายเหมือนท้ายเรือโกน ตัวเปลี่ยวเดียวโตนเป็นสาวปอเฒ่า
วันนี้เป็นบุญของตัวข้าเจ้า ปะ
บทจ๊อยของชายหนุ่มในระหว่างเดินทางมาบ้านหญิงสาว
ตัวปี้ตุ๊กข์ กำกึดบ่เถียว อยู่ตัวคนเดียว บ่มีคู่เฝ้า
มาแสนตุ๊กข์เข็ญ ซ้ำเป็นบ่าวเฒ่า ตามทีมันเต๊อะน้อง
เฮาเกิดมาจน ไผบ่ปากป้อง หมองต่ำต้อยเหงาดาย
แต่ว่าวันนี้ หล้างมีที่หมาย กับเปิ้นสักราย ก็หากหล้างว่าได้
ปี้มาแอ่วหา อุ่นใจใคร่ใกล้ กลัวศรีทองใบ บ่ฮัก
เฮาคนจน ถามเอิ้นปากทัก ไผบ่ใคร่อู้จาพอ
แม่หม้ายแม่ฮ้าง เคิ้นค้างเหลือหลอ ไผบ่จาปอ คนบ่หล่ออย่างข้า
ไผบ่จาปอ คนบ่หล่ออย่างข้า ฯ
ชาย : ดักปิ้งเย็นวอยแต้ สาวยังบ่ตอบเตื่อ เข้าไปแหมหน้อยดีก้า อะแฮ่ม หยังมาดักปิ้งเย็น
วอยห๋า จ๊อยก็ดาย สีสะล้อก็ดาย สาวปอบ่ตอบมา
หญิง : เอ้ มันเป็นเสียงไผ มาจาม ๆ ไอ ๆ อยู่ตังลุ่มหั้น
ชาย : บ่ใช่เสียงไผที่ไหน อ้ายเขาเป็นบ่าวบ้านใต้จะมาแอ่วสาว
บ้านเหนือเนียะ
ชาย : ว่าแต้ว่าดี อี่นายนาฏน้องอ้ายมาแอ่วหา จะเกิกก่อจาขึ้นไปนั่งอู้
หญิง : ขึ้นมาแหล้อ้ายตึงบ่เติ๊กตางไผ กันนั่งอยู่ตีนคันไดช่างเติ๊กตางหมาโก้ง
ชาย : กันน้องอู้แต้แม่น้องก็ตาม อ้ายเขาคนบ่งามจะขอขึ้นไปนั่งอู้
หญิง : ขึ้นมาบนเพ้เต๊อะเป่งแจ้งสายตา งามบ่งามนาหล้างหันเป่าป้อย
ชาย : กึดยากแต้ตักอ้ายจักขึ้นไปหา กลัวอ้ายเปิ้นมาปะใส่ไล่แถ้
หญิง : ขึ้นมาเต๊อะเจ้าบ่ถ้ากลัวไผ บ่มีคนใดมาแอ่วบ้านข้า
ตั้งแต่เป็นสาวบ่าวบ่หันหน้า ก้าหาจะมีคืนนี้
ชาย : ว่าแต้ว่าดี เปิ้นฮ้องขึ้นเฮือนล่ะ
หญิง : ขึ้นมาบนเติ๋นเพ้ก่าอ้าย
ชาย : ขึ้นไปได้น้อ ขออนุญาตขึ้นไปนั่งบนเติ๋นเน้อ
หญิง : เจ้า ขึ้นมาเลยเจ้า
ชาย : โฮ บ้านเปิ้นหยังมาม่วนผ่อค่วนก็เหมือนเทิง เป็นดีใคร่มาเลิงสักหว่างแต้
ว่าแต้ว่าดี ขอนั่งนี่สักตัวหนัวนี่สักวา ถ้าพี่อ้ายเปิ้นมาอ้ายสองคนก็จะปิ๊กละ
หญิง : นั่งเตอะ ๆ ขะแนมไปนั่งตั๊ดต๋ง ฟากจะไหลลงต๋งจะไหลข้อน
ชาย : ข้อนช่างมันเตอะ อ้ายเขาจะมาแป๋ง จะมานอนแฮมกินแกงฮ่วมถ้วย
เดิกป่านนี้บ่มีปี้อ้ายน้อยหนาน เปิ้นมาแอ่วห๋ากะห๋า
หญิง : ตึงบ่มีพี่น้อยพี่อ้ายหนานถา บ่มีไผมาสักเตื่อบ้านนี่
หมดซ้อยล้อยเหมือนกลางวิหาร บ่าวจี๋บ่ปานป้อฮ้างตึงบ่ข้อง
น้องเป็นสาวมาเมิน ตึงบ่มีใผไหนใส่ใจร่วมห้อง
ชาย : ไม้ใหญ่แต้จะใดว่าบ่มีผี คนงามคนดีอย่างอี้หยังว่าบ่มีเจ้า
หญิง : ต้นไม้ใหญ่แต้ตังในมันก๋วง ต้นหลวงบ่ดายในกลวงหวืดหลึ้ง
ชาย : คนงามป่านนี้ว่าบ่มีเจ้าของ ระวังผีปู่จองเอาไปซ่อนไว้เน้อ
หญิง : ตึงบ่งามล้ำฮ้ายเหมือนท้ายเรือโกน ตัวเปลี่ยวเดียวโตนเป็นสาวปอเฒ่า
วันนี้เป็นบุญของตัวข้าเจ้า ปะ
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพยของภาคกลาง
- ชาติเสือต้องไว้ลาย ชาติชายต้องไว้ชื่อ
= เป็นชายต้องแสดงความสามารถ ชาติเสือไม่ทิ้งลาย
ชาติชายไม่ทิ้งชื่อ
-
ตาบอดได้แว่น = ได้สิ่งที่ตนไม่อาจใช้ประโยชน์ได้
- บ่างช่างยุ =
คนช่างยุแหย่
- ไปไหนมา สามวาสองศอก = ถามอย่าง ตอบอย่าง
- ผีเข้าผีออก
= ประเดี๋ยวดีประเดี๋ยวร้าย ไม่คงที่
- หมูไปไก่มา = แลกเปลี่ยนโดยไม่ให้เสียเปรียบ
- ไฟในอย่านำออก ไฟนอกอย่านำเข้า
= ให้รักษาความลับ
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพยของภาคเหนือ
- หมาบ่เห่าจ้างขบ แปลว่า หมาไม่เห่ามักจะกัด
หมายถึง คนที่ซ่อนความรู้ความสามารถภายในไอ่อวดฉลาด
แต่พอแสดงออกครั้งหนึ่งมักทำให้คนที่ดูหมิ่นตนเจ็บตัว
- หมูใหม่หมูเกื่อ เฮือใหม่หูมถ่อ แปลว่า
คนที่ได้หมูว่าใหม่ๆ ขยันเอาอาหารให้ตอนแรกๆ คนที่ได้เรือมาใหม่ก็ขยันแจว หมายถึง
เห่อของใหม่
- เหล็กดีมันบ่าต้องตี่หลายเต๋า หมายถึง
คนดีไม่จำเป็นต้องอบรมสั่งสอนกันมากนัก ก็เป็นคนดีได้
- หนีจากปี้น้องไปเปิ้งไผ อย่าหนีเหียไฟไปป่าหิ่งห้อย
แปลว่า ไปจากวงศาคณาญาติแล้วจะไปพึ่งใครเล่า อย่าหนีจากไฟไปหลงเป่าหิ่งห้อยอยู่เลย
หมายถึง อย่าเห็นกงจักรเป็นดอกบัว
- ไม้อ่อน บ่ห่อนหัก คนหลวกฮู่อ่อนน้อม หมายถึง
ไม้อ่อนย่อมไม่หัก คนฉลาดต้องรู้จักอ่อนน้อม
- แมงบ้งยังบ่ตายกั้นใบไม้ แปลว่า ตัวหนอนยังไม่อดตาย
หมายถึง คนเราจะอดตายก็ต้องกระเสือกกระสนไปตามกำลังปัญญาอย่าท้อแท้
- ไม่บ่เนิ้ง เผิ้งไหนจักต๋อม หมาบ่งอม
แมวบ่ยี่เขี้ยว แปลว่า ต้นไม้ไม่เอน ผึ้งที่ไหนจะไปทำรัง
สุนัขไม่แก่แล้วแมวจะไปแยกเขี้ยว หมายถึง เมื่อหมดอำนาจคนก็หมดความยำเกรง
- ป๋าตัวหลวง จ้างต๋ายน้ำตื้น หมายถึง
คนฉลาดมักพลาดเสมอในเรื่องเล็กน้อย ดุจปลาตัวโตเมื่อถึงตอนที่มีน้ำตื้นก็ตาย
- เผื่อฮู้คิงน้ำแก๋งปอแห้ง หมายถึง
กว่าจะรู้สึกตัวน้ำแกงก็แห้งเสียแล้ว กว่าจะรู้ตัวก็สายเสียแล้ว
- ทำปอหลาบ ปาบปออยู่ หมายถึง
ทำพอให้เข็ดปราบพอให้อยู่ (ลงโทษพอเข็ดหลาบ ไม่ให้ทำผิดซ้ำอีก)
เป็นการเตือนให้พ่อแม่อบรมสั่งสอนลูกให้ทำจริงๆไม่ใช่ทำพอเป็นพิธีซึ่งจะทำให้เด็กได้ใจ
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพยของภาคอีสาน
- กินข้าวโตโสความเพิ่น =
กินข้าวตัวเองแล้วไปพูดถึงเรื่องราวของคนอื่น
- แก้วบ่ผัดสามปีเป็นแฮ พี่น้องบ่แว่สามปีเป็นเพิ่น
= แก้วไม่ล้างไม่ขัดถูสามปีเป็นแร่ พี่น้องไม่แวะเยี่ยมสามปีจะเป็นอื่นไป
- ขี้ก้อนใหญ่ให้เด็กน้อยเห็น =
ทำความชั่วให้เด็กน้อยเห็น
- เขาหลิ่วตาใด๋ให้หลิ่วตานั้น
บ่จังซั่นผีสิหักคอ = เขาหลิ่วตาใดให้หลิ่วตานั้นถ้าไม่ทำตามผีจะหักคอ
- คันเจ้าได้ขี่ช้างกั้นร่มเป็นพะยา
อย่าลืมคนขี่ควยคอนก้า = เมื่อได้ขี่ช้างกั้นร่มเป็นพระยา
อย่าลืมคนจนที่ขี่ควายหาบค้อนกล้า
- ของดีอย่าไว้แจบ =
ทำความดีควยออกมาเผยแพร่
- คนถ่อยขี้ใส่ทาง =
คนมักง่ายชอบขี้ใส่ทางเดิน
- ได้เมียสาวปานได้งัวพันแม่
ได้เมียแก่ปานได้แม่พันคน = ได้เมียอายุน้อยเหมือนได้วัวพันแม่
ได้เมียแก่เหมือนได้แม่พันคน
- เอาเมียหล่าเป็นข้าลูก = แต่งงานช้าเป็นทาสลูก
สำนวน สุภาษิต และคำพังเพยของภาคใต้
- กินเหนียว =
การแต่งงานหรืองานเลี้ยงใหญ่
- กินน้ำตาค้างคก = เค้นเอาแต่สิ่งไม่ดี
- กินข้าววัด นอนหลา ห่มผ้าผี = คนจรจัด
ไม่รับผิดชอบในชีวิต
- กล้าหน้าหม้อ = ทำอวดให้เห็น
หรือทำงานเมื่อมีผลตอบแทน
- เกิดมาหญ้าตายควายแช่ง =
เกิดมาเป็นคนรกโลก
- เข้าบ้านคนอื่นต้องหดหาง =
อยู่บ้านคนอื่นต้องยอมเขาไว้ก่อน
- ขี่เต่าแบกไอ้โต้ = โง่มาก ช้ามาก
ไม่เหมาะสม
- ขี้หมิ้นยังไม่ทันหล่นจากหัว =
ยังอ่อนเกินไป ปากยังไม่ทันสิ้นกลิ่นน้ำนม
- ขันนอกเปาะ = ขันนอกบ่อน
- ไข่แยงล่อง = แกว่งเท้าหาเสี้ยน
- ฉีกขากลวมเปรว =
ปิดบังความไม่ดีเพื่อไม่ให้ผู้อื่นรู้ กันท่าผู้อื่น
- ชาติเบื้องชาติพด = สิ่งที่มีค่าน้อย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น